อยากหนีจากงานประจำ ทำยังไงให้มั่นคง
อยากหนีจากงานประจำ ใครบอกทำอะไรดีเอาหมด......
แล้วก็แห้วทุกงาน
ขายตรงก็เคยลองมาแล้ว เขาบอกว่า Passive Income
เข้าไปนั่งฟังเข้า Center ปลุกพลังหลังเลิกงาน ใหม่ๆก็เร้าใจดี
ทำๆไปกลายเป็นว่าเหนื่อย เบื่อ ต้องง้อคน ชวนเพื่อนมาเข้า Center จนเพื่อนหลายคนเลิกคบ
ขายของตลาดนัด ก็ลองมาแล้ว เป็นอะไรที่แดดออกก็ร้อนจนฝ้าจะขึ้น
สักพักฝนตก ก็ต้องเก็บของหนี ขายดีก็ดีไป ขายไม่ได้ก็ตบยุง 5555 ทุนหายกำไรหด เงินเก็บหมดไปกับการลงทุน
สัมมนาก็ไปมาแล้วหลายธุรกิจ หลายคอร์ส
แต่ทำไมไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เขาบอกกันสักที
อสังหาฯก็ดี การลงทุนระยะยาว ผ่อนแล้วก็ปล่อยเช่า เหงาๆแก้เซ็ง แต่ปรากฏว่าคนเช่าทำห้องเละ
แถมหนีค่าเช่า กลายเป็นว่าค่าห้องก็ต้องผ่อน
แถมต้องหาเงินมาซ่อมแซมห้องอีก
ลงทุนในหุ้น ซื้อหุ้นดูซิ แบบว่า เทรดรายวัน ซื้อมาขายไป
กลายเป็นว่าซื้อตัวไหน ตัวนั้นดาวทุกตัว 555 เครียดกว่าเดิม
เงินลงไปก็กลายเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
แล้วชีวิตฉันจะหลุดพ้นจากงานประจำนี้ได้ไหม
==============================================================
โบ๊ทมาแนะนำวิธีหนีออกจากงานประจำได้แบบมั่นคง
1.
อาชีพที่มองหาต้องสอดคล้องกับความเป็นตัวเราทางใดทางหนึ่ง
เช่น เป็นงานที่เราชอบเรารักที่จะทำ หรือเป็นงานที่เราถนัดจากประสบการณ์ที่เรามี หรือเป็นงานอดิเรกที่เราทำเล่นๆมาก่อน เป็นต้น เพราะจะเริ่มได้ง่ายกว่าและเรามีความรู้ความชำนาญอยู่แล้ว
2. เหมาะสมกับ Life Style ของเรา เช่น เป็นคนชอบออกกำลังกายก็ดูงาน Trainer / ขายอุปกรณ์ออกกำลังกาย หรือชอบเล่น FB ก็ลองหาของมาขายออนไลน์ดู เพราะคุณจะทำได้ยาวกว่าทำอะไรที่ฝืนกับชีวิตที่คุณชอบ
3. เริ่มแบบลงทุนน้อยที่สุดหรือไม่ต้องลงทุนเลย เพื่อดูก่อนว่ามันเป็นไปได้แล้วค่อยจัดหนัก อย่าไปคิดว่าจะทำอะไรต้องมีทุนเยอะๆ เราเริ่มแบบง่ายๆ เล็กๆก่อนแล้วค่อยขยาย เช่น อยากเปิดร้านกาแฟ อาจจะไปเปิดเป็นซุ้มเล็กๆก่อน และใช้อุปกรณ์ เครื่องมือที่เรามีดัดแปลงมาใช้ บางคนรับ Order เพื่อนที่ทำงาน แล้วเช้าทำใส่ขวดมาเทใส่แก้วส่งให้ตอนเช้า เราจะได้ลองตลาดด้วย
4. หาคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนั้น แล้วลองดูว่าเขาทำแบบไหน ทำตามเขาเลยค่ะ การทำอะไรมี Model ของมันอยู่ ถ้าทำแบบเขาย่อมมีแนวโน้มสำเร็จตามเขา
5. จับความรู้สึกตัวเองให้ได้ว่าใช้แนวเราไหม มีหลายธุรกิจที่มองจากข้างนอกมันใช่ แต่พอลองทำแล้วไม่ใช่แนว ก็ต้องฟังเสียงข้างใน ถ้าไม่ใช่ถอยดีกว่า เพราะเรากำลังหาทางหนี ไม่ใช่หนีเสือปะจระเข้
6. ถ้าคิดว่าใช่ทางของเรา แต่มันมีอุปสรรค มันไม่ราบรื่น มีทางเดียวคือ เดินต่อไป เล่นไม่เลิก เชื่อไหมว่าคนที่เขาทำสำเร็จจริงๆส่วนนึงเขาไม่ได้เก่งกว่าใคร แต่เขาแค่เล่นไม่เลิกเท่านั้น
7. เดิมพันคุณหนักพอหรือยัง เช่น แม่ป่วยไม่มีใครดูแล ลูกไม่มีใครดูแลเริ่มเกเรหนีเที่ยว ภรรยาตั้งครรภ์ต้องหาเงินเพิ่มและหลังคลอดไม่มีใครดูแล เจ้าหนี้ตามเช้าเย็นจนจะเป็นโรคประสาท อะไรประมาณนี้ บางทีเราอาจจะต้องหาเดิมพันหนักๆให้ใส่แรงฮึดเข้าไปอีก ไม่งั้นเห่อทำสักพักแล้วก็กลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนเดิม
8. ทำควบคู่ไปกับงานประจำก่อน จนกว่ามีแนวโน้ม หรือรายได้พอๆกัน ค่อยกระโดดมาทำเต็มตัว และต้องประเมินความเป็นไปได้ด้วยว่าธุรกิจมันยังอยู่ได้อีก ไม่ใช่ออกมาปุ๊บ ธุรกิจลงปั๊บ (สุดท้ายก็ต้องกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบเดิม แต่ก็อย่าซีเรียสเกินไป คิดว่าหาประสบการณ์)
9. ทำซะที มัวแต่เขียนแผนในอากาศ บ่นเช้ากลางวันเย็น ไม่มีทางที่จะหนีออกมาได้ ลองทำแบบมีสติ ตั้งใจ ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน คนเราอาจจะไม่ได้สำเร็จแค่ครั้งแรกที่ลองทำ(ถ้าได้ก็ฟลุ๊ค) เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ก็เปลี่ยน ไม่ใช่ก็หาใหม่ แล้วเอาครั้งที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ อย่างน้อยก็รู้ว่าทางนี้เราลองแล้วไม่ใช่ จะได้หาทางอื่น เรียนรู้จากสิ่งที่ทำ ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ที่มีค่า บางคนไปทำขายตรงมา เชื่อว่าอย่างน้อยคุณก็ได้ทักษะบางอย่างมาใช้กับงานชิ้นใหม่ เช่น การพูด การจูงใจโน้มน้าวผู้คนเป็นต้น
2. เหมาะสมกับ Life Style ของเรา เช่น เป็นคนชอบออกกำลังกายก็ดูงาน Trainer / ขายอุปกรณ์ออกกำลังกาย หรือชอบเล่น FB ก็ลองหาของมาขายออนไลน์ดู เพราะคุณจะทำได้ยาวกว่าทำอะไรที่ฝืนกับชีวิตที่คุณชอบ
3. เริ่มแบบลงทุนน้อยที่สุดหรือไม่ต้องลงทุนเลย เพื่อดูก่อนว่ามันเป็นไปได้แล้วค่อยจัดหนัก อย่าไปคิดว่าจะทำอะไรต้องมีทุนเยอะๆ เราเริ่มแบบง่ายๆ เล็กๆก่อนแล้วค่อยขยาย เช่น อยากเปิดร้านกาแฟ อาจจะไปเปิดเป็นซุ้มเล็กๆก่อน และใช้อุปกรณ์ เครื่องมือที่เรามีดัดแปลงมาใช้ บางคนรับ Order เพื่อนที่ทำงาน แล้วเช้าทำใส่ขวดมาเทใส่แก้วส่งให้ตอนเช้า เราจะได้ลองตลาดด้วย
4. หาคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนั้น แล้วลองดูว่าเขาทำแบบไหน ทำตามเขาเลยค่ะ การทำอะไรมี Model ของมันอยู่ ถ้าทำแบบเขาย่อมมีแนวโน้มสำเร็จตามเขา
5. จับความรู้สึกตัวเองให้ได้ว่าใช้แนวเราไหม มีหลายธุรกิจที่มองจากข้างนอกมันใช่ แต่พอลองทำแล้วไม่ใช่แนว ก็ต้องฟังเสียงข้างใน ถ้าไม่ใช่ถอยดีกว่า เพราะเรากำลังหาทางหนี ไม่ใช่หนีเสือปะจระเข้
6. ถ้าคิดว่าใช่ทางของเรา แต่มันมีอุปสรรค มันไม่ราบรื่น มีทางเดียวคือ เดินต่อไป เล่นไม่เลิก เชื่อไหมว่าคนที่เขาทำสำเร็จจริงๆส่วนนึงเขาไม่ได้เก่งกว่าใคร แต่เขาแค่เล่นไม่เลิกเท่านั้น
7. เดิมพันคุณหนักพอหรือยัง เช่น แม่ป่วยไม่มีใครดูแล ลูกไม่มีใครดูแลเริ่มเกเรหนีเที่ยว ภรรยาตั้งครรภ์ต้องหาเงินเพิ่มและหลังคลอดไม่มีใครดูแล เจ้าหนี้ตามเช้าเย็นจนจะเป็นโรคประสาท อะไรประมาณนี้ บางทีเราอาจจะต้องหาเดิมพันหนักๆให้ใส่แรงฮึดเข้าไปอีก ไม่งั้นเห่อทำสักพักแล้วก็กลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนเดิม
8. ทำควบคู่ไปกับงานประจำก่อน จนกว่ามีแนวโน้ม หรือรายได้พอๆกัน ค่อยกระโดดมาทำเต็มตัว และต้องประเมินความเป็นไปได้ด้วยว่าธุรกิจมันยังอยู่ได้อีก ไม่ใช่ออกมาปุ๊บ ธุรกิจลงปั๊บ (สุดท้ายก็ต้องกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบเดิม แต่ก็อย่าซีเรียสเกินไป คิดว่าหาประสบการณ์)
9. ทำซะที มัวแต่เขียนแผนในอากาศ บ่นเช้ากลางวันเย็น ไม่มีทางที่จะหนีออกมาได้ ลองทำแบบมีสติ ตั้งใจ ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน คนเราอาจจะไม่ได้สำเร็จแค่ครั้งแรกที่ลองทำ(ถ้าได้ก็ฟลุ๊ค) เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ก็เปลี่ยน ไม่ใช่ก็หาใหม่ แล้วเอาครั้งที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ อย่างน้อยก็รู้ว่าทางนี้เราลองแล้วไม่ใช่ จะได้หาทางอื่น เรียนรู้จากสิ่งที่ทำ ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ที่มีค่า บางคนไปทำขายตรงมา เชื่อว่าอย่างน้อยคุณก็ได้ทักษะบางอย่างมาใช้กับงานชิ้นใหม่ เช่น การพูด การจูงใจโน้มน้าวผู้คนเป็นต้น
ไม่ยากถ้าอยากจะหนีออกจากงานประจำ แต่ที่ยากคือคุณตั้งใจทำมันจริงๆหรือเปล่าเท่านั้นเอง......
FB : สร้างยอดเขาของเราเอง By Coach Boat..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น